รับสอนทำโปรเจคจบจ้า
ด้วยผลงานรับประกันคุณภาพ สอนมา 8 กลุ่มจบทุกกลุ่มครับ แถมได้ความรู้ในการทำงานจริงๆไปสมัครงานด้วย ค่าใช้จ่ายยังถูกกว่าจ้างทำโปรเจคอีกนะจ๊ะน้องๆทั้งหลาย
สอนวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา พร้อมช่วยแก้ปัญหาและสร้างความมั่นใจไปพร้อมกับทำโปรเจค สาย IT หรือ CS หรือ CPE ที่ว่ายากแสนยากให้สำเร็จได้ภายในเวลาที่กำหนด
ตอนนี้รับเฉพาะ ในเขต ขอนแก่น*เท่านั้นนะครับ
เดือนกันยายน ว่างสองที่นะครับ
โรงเรียนสอนทำโปรเจคจบด้วย Ruby on Rails, CC#.Net, PHP, JAVA, Android, BB โดยอดีตอาจารย์ ที่ตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์จ้า ติดตามได้ที่ http://expstudio.net
รับสอนทำโปรเจ็คจบทางคอมพิวเตอร์ และ IT สำหรับนักศึกษาทุกประเภท
รับสอนทำโปรเจคจบจ้า
ด้วยผลงานรับประกันคุณภาพ สอนมามากกว่า 20 กลุ่มจบทุกกลุ่มครับ แถมได้ความรู้ในการทำงานจริงๆไปสมัครงานด้วย ค่าใช้จ่ายยังถูกกว่าจ้างทำโปรเจคอีกนะจ๊ะน้องๆทั้งหลาย
สอนวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา พร้อมช่วยแก้ปัญหาและสร้างความมั่นใจไปพร้อมกับทำโปรเจค สาย IT หรือ CS หรือ CPE ที่ว่ายากแสนยากให้สำเร็จได้ภายในเวลาที่กำหนด
ไม่ว่าจะเป็น C#,VB, .NET ASP.NET, JAVA, PHP รับสอนได้หมดจ้า
ตอนนี้รับเฉพาะ ในเขต กทม. และขอนแก่นเท่านั้นนะครับ
ตอนนี้รับเฉพาะ ในเขต กทม. และขอนแก่นเท่านั้นนะครับ
ติดต่อ way_cs16@hotmail.com ครับ
วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553
บทเรียนสอนทำโปรเจคต่อไปมีชื่อว่า ถามกูเกิ้ลยังไงให้ได้ข้อมูลดีๆ
ไม่เข้าใจนะครับว่าทำไมชอบมีนร. น้องๆ หรือเพื่อนๆหลายๆคนชอบมาถามผมว่า ถ้าอยากทำอันนี้ต้องทำยังไง จะไปหาที่ไหน ทุกครั้งที่ผมบอกกลับเค้า ผมจะบอกคีเวิร์ดให้เค้าให้ไปถามเพื่อนกู(เกิ้ล) แล้วเค้าก็จะบอกว่า อ่อ แค่นี้เองเหรอ ผมก็ยังสงสัยมาจนทุกวันนี้ว่าทำไมคนทั่วไปถึงไม่ยอมแม้แต่จะถามกูเกิ้ลก่อนไปถามอาจารย์หรือเพื่อน
แต่ที่น่าเขกกะโหลกกว่านั้นคือมันทำไมคิดคีย์เวิร์ดในการหากันไม่ได้ มีน้องคนนึงมาถามผม ต้องขอบคุณเค้าไว้นะที่นี้ด้วย ที่เป็นตัวอย่างที่ดี แต่ต้องชื่นชมในความพยายามของน้องเค้ากว่าสองเดือนที่ใช้คำว่า "ตัวอย่าง โปรแกรม C# 2008" ถ้าหาแบบนี้ผลลัพธ์ที่ได้มันก็จะมีแต่ตัวอย่างในหนังสือเรียนจริงไหมครับ
ผมจะสอนว่าควรจะเลือกคีย์เวิร์ดอย่างไรและไปหาที่ไหนกันดี
อย่างแรกเลยเป็นเรื่องของแหล่งหาตัวอย่างโปรแกรม เหตุผลที่ให้หาตัวอย่างเพราะ การเลียนแบบนั้นทำให้เราพัฒนาได้เร็ว หลักการนี้เรียกว่า Benchmark ประเทศอย่าง ไต้หวัน เกาหลีใต้ จีน เติบโตด้านเทคโนโลยีได้ทุกวันนี้ก็เพราะมาจากการเลียนแบบ การเรียนแบบต่างจากก็อบปี้อย่างไร เลียนแบบคือการทำความเข้าใจว่าสิ่งนั้นๆทำอย่างไรจนทำเองได้ ตั้งแต่ต้น เพียงแต่ไม่ต้องไปเสียเวลาคิดวิธีการเอง ทำให้เราสามารถต่อยอดสิ่งที่เลียนแบบเพิ่มเติมได้ แต่การก็อปปี้ก็คือไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ก็อปมาโดยไม่เข้าใจ แค่ทำให้เหมือนเป็นพอ
แหล่งตัวอย่างโปรแกรมที่ผมใช้บ่อยๆจะมีที่
อย่างแรกเป็นตัวอย่างง่ายๆก็มีเน้นตัวอย่างเล็กๆ แต่ที่ sourceforge.net จะเป็น opensource โปรแกรมขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง ผมแนะนำสำหรับมือใหม่ ไปดูที่ codeproject จะดีที่สุดครับ
แนะนำตัวอย่างหัวข้อโปรเจคโดยพี่น้องชาว Geek แห่ง Blognone
- หมายเหตุ : บทความนี้นำมาจาก www.blognone.com
Ask Blognone: เทคโนโลยีไหนที่น้องๆ น่าใช้ทำโปรเจคจบ 3.0
Ask Blognone: เทคโนโลยีไหนที่น้องๆ น่าใช้ทำโปรเจคจบ 3.0
ถึงเทศกาลเปิดเทอมกันอีกครั้ง ปีนี้ก็ได้เวลาที่น้องๆ ปีสี่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จะหาหัวข้อทำโปรเจคอีกครั้ง และคงเป็นเทศกาลประจำปีที่ผมจะมาถามไอเดียของชาว Blognone ว่ามีอะไรจะเสนอแนะน้องๆ กันบ้างหรือไม่
ก่อนหน้านี้เราเคยเสนอไปแล้วสองครั้ง (1,2) ครั้งนี้ผมเสนอต่างออกไป คือให้เราเสนอ "เครื่องมือ" มาพร้อมๆ กับ "หัวข้อ" โปรเจคกัน
ผมเสนอเช่นนี้เพราะพบความจริงว่านักศึกษาระดับปริญญาตรีนั้นมีจำนวนมากที่ไม่สามารถ จับคู่ระหว่าง "ปัญหา" และ "เครื่องมือ" ที่จะใช้แก้ปัญหาได้ โดยมากแล้วน้องๆ มักจะมีความสามารถในเครื่องมือบางตัว เช่น C/C++, C#/.NET, Java, VHDL, PHP, SQL, วงจรไฟฟ้า ฯลฯ แต่หลายครั้งที่เราให้ปัญหาไปตรงๆ เช่น ระบบตัดคำไทย, multi-touch ด้วย WiiMote ฯลฯ หลายคนกลับมีคำถามว่าแล้วจะได้ใช้เทคโนโลยีตัวไหน ทำอย่างไร ฯลฯ
ดังนั้นเรามาช่วยกันยกตัวอย่างให้กับน้องๆ ว่าปัญหาเช่นไรเราจึงเลือกเทคโนโลยีใด
ตัวอย่าง
วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ใครอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ต้องอ่านนี่ดู : เหตุการณ์สุดคลาสสิกของอาชีพโปรแกรมเมอร์
CATEGORY: LIFE, PROGRAMMER
สังเกตดูดีๆ คนที่ทำงานสาย software developer นั้น จะเจอเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดชีวิตการทำงานสายนี้ และต่อไปนี้ขอเชิญอ่าน เหตุการณ์สุดคลาสสิคของโปรแกรมเมอร์เมอร์เมอร์….(มีเสียงสะท้อนเล็กน้อย)
ที่มา : www.narongwit.com
ปล. เจ้าของบล็อก :
- โปรเจ็คที่ได้รับมักจะดูเหมือนง่ายในตอนแรก แต่สับสนวุ่นวายในตอนสุดท้าย
- การให้โปรแกรมเมอร์ทำเอกสาร เปรียบเสมือนเอานาวิกโยธินสหรัฐไปประกวดนางสาวไทย
- ตอนเขียนโปรแกรมเอง Test เอง ไม่เจอ Bug แต่ตอนไป Test กับลูกค้าเสือกเจอ!!!
- ตอน Test กับลูกค้าเหมือนจะไม่มีบั้กแล้ว พอเริ่มใช้งานระบบจริง แม่ง เสือกเจอ!!!
- พอโปรแกรมพังตอนใช้งานจริง โปรแกรมเมอร์มักเอ่ยว่า “ตอน Test ไม่เห็นเป็นเลย” แล้วก็จบด้วยการทำหน้างงๆ แสดงให้เห็นว่า กูไม่รู้จริงๆนะเว้ย
- ประเมินเวลาของโปรเจ็ค 10 วัน ไม่ใช่การเขียนโปรแกรม 80 ชั่วโมงต่อคน แต่อาจะเป็น 100ชั่วโมงต่อคน หรือมากกว่านั้น
- Programmer เก่งกาจจะเป็น System Analyst ทำเอกสารได้ห่วยแตก
- Programmer ที่เก่งกาจมันพูดภาษาคนแล้วเข้าใจยาก
- System Analyst ที่ทำเอกสารได้เก่งกาจ มักจะเคยเป็น Programmer ที่เขียนโปรแกรมได้ห่วยแตกมาก่อน
- ลูกค้าไม่เคยให้ Requirement ครบ
- ลูกค้าคือพระเจ้า
- นอกจากลูกค้าแล้ว Google ก็เป็นพระเจ้าเหมือนกัน
- งาน Coding ไม่เคยเสร็จก่อนกำหนด
- ออกแบบระบบจนเสร็จ แล้วค่อยเขียนโปรแกรม เป็นแค่เรื่องในฝันเท่านั้น (สำหรับคนไทย)
- คนให้ Requirement จริงๆ มักจะไม่ค่อยอยากได้ระบบ IT หัวหน้ามันนั้นแหละ อยากได้
- บางที Bug ก็ไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการคำจำกัดความ
- Bug ก็เหมือนความรัก มองไม่เห็น แต่รู้สึกถึงมันได้
- ไม่มี OT มีแต่ O-Free
- Project ที่ โปรแกรมเมอร์ปั่นงานจะจนดึกดื่น มักจะมี Bug เยอะ ถึงเยอะมาก
- ลูกค้ามักจะขี้เกียจ Test โปรแกรมของมันเอง
- แต่พอใช้งานจริงแล้วเจอ Bug ชอบมางอแง
- เขียนโปรแกรมช้า ใช่ว่าจะไม่มี Bug
- เขียนโปรแกรมเทพ ใช่ว่าจะไม่มี Bug
- สรุปว่าเขียนยังไงโปรแกรมก็มี Bug
- การแก้ Code ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเป็นเรื่องที่น่าปวดกบาลมาก
- Code ยิ่งเทพเท่าไหร่ แก้ Bug ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
- และคนเขียน Code เทพ มักจะโดนสาปแช่งจาก Programmer ที่ต้องมาแก้งานมัน
- ถ้าโปรแกรมช้า เราจะโทษว่า Server ไม่ดี
- System Analyst ที่แก้ Design บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันเปลี่ยน”
- System Analyst ที่เพิ่ม Requirement บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันขอเพิ่ม”
- Programmer ที่ทำงานไม่ทัน มักจะอ้างว่าประเมินเวลามาน้อยเกินไป
- มีความเชื่อว่า Application ไม่ต้องการความสวยงาม
- Requirement สามารถเปลี่ยน เพิ่ม ได้ตลอดเวลา แต่มันไม่มีทางลดลงแน่นอน
- การเล่น Internet ไร้สาระ คือการผ่อนคลาย
- การเล่น msn คือการผ่อนคลาย
- การเล่น social network เป็นการผ่อนคลาย
- ด่าลูกค้าเป็นความบันเทิง และผ่อนคลาย
- Internet มีทุกอย่างที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ
- พิมพ์สัมผัสได้ เป็นผลจาการ Chat อันหนักหน่วง
- มีความเชื่อว่า ถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยความรุนแรง จะดูเท่
- คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โปรแกรมเมอร์ทำได้ทุกอย่างที่เกียวกับ computer
- ดังนั้น โปรแกรมเมอร์เป็นที่พึ่งให้ เพื่อนๆ พ่อ แม่ พี่น้อง อากง อาม่า เวลามีปัญหากับเทคโนโลยีใหม่ๆ
- ไม่มีโปรแกรมเมอร์คนไหน กลับบ้านตรงเวลาตลอด
- ชีวิตจะบัดซบทุกครั้ง ที่ไฟดับ
- ตอน Present โปรแกรมให้ลูกค้าดู ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง
- เวลาขี้เกียจแก้งาน โปรแกรมเมอร์จะบอกว่า “Code ตรงนี้กูไม่ได้เป็นคนเขียนครับ”
- เวลาโปรแกรมมีปัญหา ลูกค้ามักจะบอกว่า “ยังไม่ได้ไปทำอะไรมันเลยนะ อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้”
- โปรแกรมเมอร์ว่างงาน มักง่วงตอนสายๆ หรือบ่ายๆ
- คาเฟอีนคือยาวิเศษ
- การนั่งหลับเวลาง่วงมักไม่ค่อยได้รับความยอมรับจากหัวหน้า
ที่มา : www.narongwit.com
ปล. เจ้าของบล็อก :
- โปรแกรมเมอร์หลายคนเช่นผมอาจจะ แบ่งเวลา 1 ใน 3 ของเวลางานที่ประเมินไว้ไปนั่งเล่น เน็ต แช็ทเอ็ม หรือทำเรื่องที่ตัวเองสนใจ พอเวลาเริ่มกดดันจะค่อยมีสมาธิแล้วเริ่มทำงาน
- ถ้าอยากได้เงินเดือนเยอะต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆ พูดเก่งๆ
- ภาษาที่สำคัญจริงๆ คือภาษาพูดกับภาษาอังกฤษ พรีเซนต์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
- งานประจำเหมือนยานอนหลับ จ็อบนอกเหมือนกาแฟ เกมส์ เหมือนกิน M150 สาว AV คือยาบ้า
- โปรแกรมเมอร์ก็ไม่ได้รู้หรอกนะว่าจะแก้ไวรัสยังไง หรือ ถ้าโทรศัพท์มีปัญหาจะแก้ยังไง
- โปรแกรมเมอร์หลายคนรวมทั้งผม ให้ทำกราฟฟิกคงไม่ไหวนะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)